บทความทั้งหมด    บทความสร้างอาชีพ    ความรู้ค้าขาย    ความรู้สร้างอาชีพ
112K
3 นาที
18 กรกฎาคม 2562
เปิดสูตรคิดต้นทุน ร้านคาร์แคร์ ตั้งราคาแค่ไหน ไม่ให้เจ๊ง
 

หนึ่งในธุรกิจบริการที่ฮอตฮิตคือ “คาร์แคร์”  เราสังเกตว่าธุรกิจนี้มีตั้งแต่ระดับชาวบ้าน เปิดร้านล้างรถเองง่ายๆ ไปจนถึงระดับบริษัทใหญ่ๆ ที่ลงทุนกับธุรกิจนี้ทีละหลายล้านบาท แม้แต่ในแวดวงแฟรนไชส์ก็มีธุรกิจคาร์แคร์ที่ช่วยให้ผู้สนใจเริ่มต้นอาชีพนี้ได้ง่ายขึ้น แพคเกจลงทุนก็มีหลากหลายแบบแตกต่างกันไป
 
www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่านี่คือธุรกิจที่ยังเติบโตได้อีกไกล หัวใจของการลงทุนคือการหาทำเลที่เหมาะสม และแนวทางในการบริหารจัดการร้าน รวมถึงการบริการต่างๆ ที่ต้องสามารถดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้การเปิดคาร์แคร์สำหรับใครที่เป็นมือใหม่อาจไม่ใช่เรื่องที่จู่ๆจะนึกทำก็ทำได้อย่างน้อยควรได้ศึกษาดูงานและปรึกษาผู้ที่มีประสบการณ์หรือร่วมลงทุนกับคนที่มีความรู้ในงานด้านนี้จะช่วยทำให้ธุรกิจเติบโตง่ายขึ้น
 
มีเงินเท่าไหร่ถึงจะลงทุนธุรกิจคาร์แคร์ได้


ภาพจาก bit.ly/2Y9Yh1e
 
ถ้าถามว่ามีเงินเท่าไหร่ลงทุนคาร์แคร์ได้ ก็ต้องย้อนถามกลับไปอีกว่า “คิดจะเปิดเป็นร้านขนาดไหน?” ความจริงเงินแค่ 10,000 ก็เปิดคาร์แคร์ได้ แต่อาจจะเป็นแค่ระดับชาวบ้าน บริการไม่หลากหลาย รับล้างรถแบบไม่พิถีพิถันเน้นใช้แรงงานของคนในครอบครัว
 
แต่หากคิดจะทำให้เป็นธุรกิจใหญ่โต ราคาการลงทุนน่าจะต้องถึงหลัก 300,000 -500,000 บาท (ไม่รวมค่าก่อสร้าง) ซึ่งจะเป็นร้านที่ต้องจ้างพนักงานและมีบริการที่หลากหลาย มีห้องรับรองลูกค้าที่มีทั้งwi-fi หรือสินค้าอื่นๆ ไว้คอยบริการเพิ่ม

ธุรกิจคาร์แคร์บางแห่งที่ใหญ่ขึ้นใช้เงินลงทุนหลักล้าน ตั้งแต่ 1,000,000 – 5,000,000 บาท ซึ่งจะมีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และเครื่องมือในการล้างรถที่ทันสมัย บางแห่งเลือกลงทุนแบบ “ล้างรถอัตโนมัติ” ซึ่งราคาในการลงทุนก็ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่เอามาใช้เป็นสำคัญ
 
ขนาดของ คาร์แคร์ แบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ คือ


ภาพจาก bit.ly/32xyRtQ
 
1. คาร์แคร์ขนาดเล็ก
 
พื้นที่ในการทำงาน ตั้งแต่ 1-3 คัน อาจจะใช้คนทำงาน 1-5 คน ใช้ทุนไม่มาก อาจเริ่มต้น เปิดคาร์แคร์ ได้ด้วยเงินเพียงหลักหมื่น ถึงหลักแสน (รวมต้นทุนเรื่องโครงสร้าง)
 
2. คาร์แคร์ขนาดกลาง
 
พื้นที่การทำงานตั้งแต่ 4-10 คัน อาจใช้คนทำงานตั้งแต่ 6-12 คน หรือมากกว่านั้น คาร์แคร์ขนาดกลางนี้ ปัจจุบันส่วนใหญ่ มักให้บริการที่ค่อนข้างครอบคลุม เงินลงทุนระดับ เฉียดล้านอาจมากถึง 2-3 ล้านแล้วแต่โครงสร้างและเครื่องมือ
 
3. คาร์แคร์ขนาดใหญ่
 
พื้นที่การทำงานมากกว่า 10 คันขึ้น อาจใช้คน ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป แล้วแต่รูปแบบการให้บริการ เงินลงทุนค่อนข้างสูง บางแห่งใช้เป็น 10 ล้าน
 
อุปกรณ์สำคัญสำหรับการเปิดธุรกิจคาร์แคร์


ภาพจาก bit.ly/2xUunze

1. โครงสร้างของอาคารสถานที่
 
2. อุปกรณ์หลัก (เช่น ปั๊มน้ำ, ปั๊มลม, เครื่องดูดฝุ่น, เครื่องดูดฝุ่น, สายลม, ถังโฟม, ปืนลม, อื่นๆ)
 
3. อุปกรณ์งานภายใน เช่น เครื่องฟอก, อุปกรณ์สำหรับถอดชิ้นงาน, แปรงขนอ่อน, ทอนาโด, เครื่องฟอกอากาศ, อื่นๆ
 
4. ผลิตภัณฑ์ภายใน เช่น น้ำยาฟอกภายใน, Wax ภายใน, ปรับสภาพอากาศ, น้ำยาฟอกหนังแท้
 
5. อุปกรณ์ภายนอก เช่น ถุงมือล้างรถ, แปรงขัดแมกซ์, ผ้าประเภทต่างๆ, อื่นๆ)
 
6. ผลิตภัณฑ์สำหรับภายนอก เช่น โฟมล้างรถ, น้ำยาสลายคราบต่างๆ ( ดิน, แมลง, ยางมะตอย, ห้องเครื่อง, คราบน้ำ, คราบกระจก), Detailer (น้ำยาเก็บรายละเอียด)
 
7. อุปกรณ์สำหรับงาน Polish/Coating/Detailing เช่น เครื่องขัดสี, ฟองน้ำขัด/เคลือบสี, แปรงเก็บงาน, ไฟสำหรับส่องงาน, ใบขัดอื่นๆ, แผ่นขัดกระจก
 
8. ผลิตภัณฑ์สำหรับ Polish/Coating/Detailing เช่น น้ำยาขัดสี, Wax, น้ำยาเคลือบแก้ว, เคลือบกระจก, อื่นๆ
 
ต้นทุนโดยเฉลี่ยของอุปกรณ์และสิ่งจำเป็นเหล่านี้ประมาณ 200,000 บาทเป็นอย่างน้อย ซึ่งหากจะเปิดคาร์แคร์ได้จริงๆยังต้องมีเงินสำรองไว้หมุนเวียนอีกประมาณ 200,000 บาท สำหรับค่าพนักงาน ค่าการตลาด หรือค่าใช้จ่ายจิปาถะต่างๆ 
 
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการ ทำธุรกิจคาร์แคร์


ภาพจาก bit.ly/2JO9onq
 
1.ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนพาณิชย์ เนื่องจากเป็นธุรกิจบริการ เว้นแต่ว่ามีการนำสินค้ามาไว้จำหน่าย ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 50 บาท ขึ้นไป แต่สามารถจดทะเบียนเพื่อเป็นนิติบุคลได้
 
2.ธุรกิจคาร์แคร์ ถูกจัดให้เป็น โรงงานต้องขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรียกว่าเป็น โรงงานอุตสาหกรรมประเภทที่ 95(4)
 
3.ก่อนเปิดให้บริการต้องขออนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ กับสำนักงานปกครองภาครัฐในท้องถิ่นที่ตั้งอยู่ คือต้องแจ้งขออนุญาตต่อสำนักงานเขต เทศบาล หรือสุขาภิบาล ก่อนเปิดให้บริการ
 
4.การก่อสร้างอาคารเพื่อประกอบธุรกิจ หากมีเนื้อที่มากกว่า 80 ตารางเมตร ขึ้นไป จะเข้าข่ายอาคารควบคุมการใช้งาน เป็นอาคารสำหรับใช้เพื่อกิจการพาณิชยกรรม ต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่รัฐในท้องถิ่นที่เปิดดำเนินการอยู่ เพื่อให้ออกใบรับรองการก่อสร้าง หรือ อ.6
 
5.ผู้ประกอบการต้องยื่นเรื่องเพื่อดำเนินการด้านภาษี ในกรณีเป็นนิติบุคล ต้องยื่นภาษีเงินได้นิติบุคลประจำปีและครึ่งปี (ภ.ง.ด. 50 และ 51) หรือในกรณีไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคล เป็นประเภทบุคคลธรรมดาต้องยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีเงินได้ประจำปีและครึ่งปี (ภ.ง.ด.90 และ 94)
 
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการ ทำธุรกิจคาร์แคร์


ภาพจาก bit.ly/30KjVXH
 
ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนพาณิชย์ เนื่องจากเป็นธุรกิจบริการ เว้นแต่ว่ามีการนำสินค้ามาไว้จำหน่าย ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 50 บาท ขึ้นไป แต่สามารถจดทะเบียนเพื่อเป็นนิติบุคลได้
 
ธุรกิจคาร์แคร์ ถูกจัดให้เป็น โรงงานต้องขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรียกว่าเป็น โรงงานอุตสาหกรรมประเภทที่ 95(4)
 
ก่อนเปิดให้บริการต้องขออนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ กับสำนักงานปกครองภาครัฐในท้องถิ่นที่ตั้งอยู่ คือต้องแจ้งขออนุญาตต่อสำนักงานเขต เทศบาล หรือสุขาภิบาล ก่อนเปิดให้บริการ
 
การก่อสร้างอาคารเพื่อประกอบธุรกิจ หากมีเนื้อที่มากกว่า 80 ตารางเมตร ขึ้นไป จะเข้าข่ายอาคารควบคุมการใช้งาน เป็นอาคารสำหรับใช้เพื่อกิจการพาณิชยกรรม ต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่รัฐในท้องถิ่นที่เปิดดำเนินการอยู่ เพื่อให้ออกใบรับรองการก่อสร้าง หรือ อ.6
 
ผู้ประกอบการต้องยื่นเรื่องเพื่อดำเนินการด้านภาษี ในกรณีเป็นนิติบุคล ต้องยื่นภาษีเงินได้นิติบุคลประจำปีและครึ่งปี (ภ.ง.ด. 50 และ 51) หรือในกรณีไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคล เป็นประเภทบุคคลธรรมดาต้องยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีเงินได้ประจำปีและครึ่งปี (ภ.ง.ด.90 และ 94)
 
สูตรต้นทุนกำไรสำหรับธุรกิจคาร์แคร์

 
การลงทุนในธุรกิจคาร์แคร์ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในวงเงินที่ค่อนข้างสูง การจะหากำไรได้เราต้องรู้บัญชีรายจ่ายที่ชัดเจน ต้นทุนสำคัญคือรายจ่ายคงที่ได้แก่ค่าเช่าสถานที่ ค่าพนักงาน  (ในแต่ละเดือน) และต้นทุนที่ลืมไม่ได้คือต้นทุนผันแปรที่ประกอบด้วยหลายอย่างเช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าวัสดุอุปกรณ์ในร้าน ค่าบำรุงรักษาเครื่องมือต่างๆ เป็นต้น

การจะกำหนดว่าควรตั้งเรตราคาไหนเพื่อให้ครอบคลุมกำไร ต้องรู้ว่าแต่ละเดือนค่าใช้จ่ายโดยรวมเท่าไหร่ ซึ่งหากต้องการเฉลี่ยรายจ่ายเหล่านี้เป็นรายวันต้องหารด้วย 30 จะทำให้เห็นภาพค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวัน ซึ่งโดยปกติการตั้งราคาจะอิงกับราคาเฉลี่ยของแวดวงคาร์แคร์

เช่น รถกระบะ 4 ประตูล้างอัดฉีดราคาประมาณ 300 บาท หรือถ้าหากเป็นรถเก๋งราคาประมาณ 250 หรือถ้าเป็นรถกระบะประเภทโฟวีลราคาอาจจะสูงขึ้นเป็น 300-400 แล้วแต่ความยากง่ายในการล้าง มอเตอร์ไซด์ราคา 80-100 บาท ทั้งนี้ยังไม่รวมบริการเสริมเช่นขัดเคลือบเงารถ ที่อาจบวกราคารวมเพิ่มเป็น 500-600 บาทต่อคัน


ภาพจาก bit.ly/2SogVNA
 
ถ้าใช้สูตรว่าต้นทุนเฉลี่ยต่อวันได้เท่านี้แล้วจะตั้งราคาบริการให้สูงกว่าค่าเฉลี่ย อาจทำให้ได้ราคาบริการที่สูงเกินไป อันจะเป็นการลดปริมาณลูกค้า สิ่งสำคัญคือ ธุรกิจคาร์แคร์ต้องพยายามรับลูกค้าให้ได้วันละมากๆ เพื่อเอา “ปริมาณ” มาคูณกับค่าบริการเพื่อให้สูงกว่ารายจ่ายต่อเดือน อันจะหมายถึงกำไร นั่นทำให้ธุรกิจคาร์แคร์แข่งขันกันในด้านบริการเป็นสำคัญ ยิ่งเร็ว แต่บริการดี ก็จะยิ่งทำให้มีกำไรได้มากขึ้น บางแห่งใช้กลยุทธ์ในการให้ลูกค้าสมัครเป็นสมาชิกก็เพื่อให้ร้านคาร์แคร์มั่นใจได้ว่ามีฐานลูกค้าแน่นอนอันจะทำให้สามารถคำนวณต้นทุนกำไรได้ง่ายขึ้น
 
*** สูตรการคิดคำนวณราคาดังกล่าวนี้ มีตัวแปรที่ต้องเอามาคิดรวมกันอีกหลายอย่างทั้งค่าการตลาด ค่าเช่าพื้นที่ ต้นทุนผันแปรของแต่ละบุคคล ราคาเบื้องต้นจึงเป็นค่าประมาณการณ์ให้พอมองเห็นภาพและแนวทางในการคิดเบื้องต้น***
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ bit.ly/2Jf8ph8
 
ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสายบุญจึงได้รับความนิยม เทศกาลงานบุญในเมืองไทยมีเยอะมาก ตั้งแต่งานบวช  เข้าพรรษา ออกพรรษา อาสาฬหบูชา วิสาขบูชา หรือแม้แต่ประเพณีทำบุญขึ้นบ้านใหม่  ถวายเทียนเข้าพรรษา  กฐิน  ผ้าป่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดมาล้วนแต่เกี่ยวข้องกับ &..
60months ago   22,588  5 นาที
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง สุภาษิตนี้สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจความสวยความงาม ที่แม้จะไม่ใช่สิ่งสำคัญและจำเป็นสำหรับทุกคน แต่สำหรับคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามทั้งหลาย เรื่องนี้ถือว่ายอมกันไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องให้ตัวเองดูดี ธุรกิจประเภทร้านทำเล็บ หรือเสริมสวยจึงยังเติบโตโดยมีกลุ่มลูกค้า..
60months ago   7,421  6 นาที
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความสร้างอาชีพมาใหม่
บทความอื่นในหมวด