บทความทั้งหมด    บทความสร้างอาชีพ    ความรู้ค้าขาย    ความรู้สร้างอาชีพ
48K
3 นาที
23 กรกฎาคม 2562
เปิดสูตรต้นทุน ร้านขายข้าวสาร ตั้งราคาแค่ไหน ไม่ให้เจ๊ง


เมืองไทยได้ขึ้นชื่อว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” และข้าวก็เป็นอาหารจานหลักของคนไทย แม้จะรับธรรมเนียมต่างชาติเข้ามามาก เด็กบางคนอาจชอบกินขนมปังมากกว่าข้าว หรือบางคนก็กินก๋วยเตี๋ยวเพราะรู้สึกอร่อยกว่าข้าว แต่คนไทยส่วนใหญ่น่าจะเกินร้อยละ 80 ก็ยังนิยมบริโภคข้าวเช่นเคย
 
ร้านขายข้าวสารจึงเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ สังเกตว่าร้านขายข้าวสารยุคใหม่มีข้าวสารให้เลือกมากมายตั้งแต่ข้าวหอมมะลิที่มีทั้งข้าวหอมใหม่ ข้าวหอมเก่า จากหลายจังหวัด ทั้งสุพรรณบุรี  ปทุมธานี หรือจะเป็นข้าวนาปี นาปรัง ข้าวเหนียว และอีกหลายๆข้าว ที่ราคาก็แตกต่างกันไปด้วย

www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าไม่ใช่เรื่องง่ายหากคิดจะเปิดร้านขายข้าวสารอย่างน้อยต้องรู้จักวิธีการหาสินค้า การเข้าหาลูกค้า การทำตลาดที่ถูกใจลูกค้า รวมถึงรู้จักการตั้งราคาขายและการบริหารต้นทุนที่มีผลต่อกำไรของธุรกิจอย่างมาก
 
เปิดร้านขายข้าวสารจะมีกำไรแค่ไหน?
 

ข้ามขั้นตอนมาถึงเรื่องที่คนอยากรู้กันก่อนเลยว่าเปิดร้านขายข้าวแล้วจะรวยได้ยังไง แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ใช่ทุกคนที่ลงทุนแบบนี้แล้วจะรวย เพราะรูปแบบการขายในท้องตลาดทั่วไปมีหลายแบบ เช่น บรรจุถุง 5 กก.  บรรจุ 15 กิโลกรัม (1ถัง) หรือ บรรจุ 49 กก. (1 กระสอบ) ลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อแบบ 5 กก. หรือซื้อแบบยกถัง (15 กก.)

และอีกส่วนหนึ่งก็จะขายตามความต้องการของลูกค้าอาจจะ 1 กก.  2 กก.  3 กก. แล้วแต่ความพอใจของลูกค้า ส่วนการขายแบบยกกระสอบ (49 กก.) มักจะเป็นการขายส่งให้ตามร้านอาหาร ร้านข้าวแกง ข้าวนึ่ง ที่ต้องใช้ปริมาณข้าวในแต่ละวันจำนวนมาก
 
ผลตอบแทนคิดแบบง่ายๆ เริ่มต้นจากร้านเล็กๆ แบบขายปลีก ตักข้าวสารขายหน้าร้าน กำไรจะอยู่ที่ประมาณกิโลละ 5-7 บาท ทั่วไปกำไรจะอยู่ประมาณ 10-15% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ชนิดข้าวสาร กลยุทธ์การขาย การตั้งราคา คู่แข่ง จำนวนร้านค้าที่มีอยู่ในละแวกนั้นด้วย แต่ถ้าขายแบบขายส่งเป็นถุง(ขนาด 49 กก.) ตามร้านลูกค้า อาจจะกำไรประมาณ 200-300 บาท มากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับชนิดข้าว จำนวนสินค้า ลักษณะการชำระเงิน (เงินสดหรือเงินติด) และคู่แข่ง

อยากเริ่มต้นเปิดร้านขายข้าวสารต้องทำยังไง?
1.เลือกรูปแบบร้านสำหรับการลงทุน
 
ภาพจาก FB : ร้านขายส่งข้าวสารรัตนรุ่งเรือง บางใหญ่

เราต้องตัดสินใจก่อนว่าร้านเราจะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่ การเป็นร้านเล็กหมายถึงเงินลงทุนน้อยกว่า การลงสินค้า (ข้าวสาร) ก็น้อยกว่า โอกาสในการขายก็อาจจะน้อยกว่าร้านใหญ่ๆ แต่หากเลือกลงทุนเปิดร้านใหญ่ๆ ขั้นต้นใช้เงินทุนไม่ต่ำกว่าหลัก 100,000 สำหรับการซื้อสินค้าและต้นทุนผันแปรต่างๆ 
 
2.ติดต่อหาแหล่งสินค้ามีคุณภาพในราคาเหมาะสม
 
แหล่งของวัตถุดิบจำพวกข้าวสาร ก็ต้องอาศัยจากโรงสี หรือจากโกดังข้าว โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ที่แน่นอนเช่นกันว่าเขาก็ต้องมีลูกค้าประจำที่มารับสินค้า หากเราเป็นหน้าใหม่ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการสร้างเครดิตเพื่อบางทีอาจจะได้สินค้ามาขายก่อนแล้วจ่ายเงินทีหลังหรือหากใครที่โชคดีหน่อยที่มีญาติพี่น้องทำนาเป็นอาชีพหลัก อาจจะสามารถหาซื้อข้าวสารรูปแบบต่างๆ มาในราคาที่ถูกลงได้
 
3.คิดเรื่องการตลาดที่ทำให้สู้กับคู่แข่งได้
 
ภาพจาก FB : ร้านขายส่งข้าวสารรัตนรุ่งเรือง บางใหญ่

ด้วยความที่ข้าวสารมันก็เหมือนๆ กัน ลูกค้าอาจมองว่าไม่จำเป็นต้องซื้อประจำจากร้านใดร้านหนึ่ง แต่หากเราเป็นร้านข้าวสารที่ทำให้ลูกค้าประทับใจและกลับมาซื้อซ้ำได้ ก็จะทำให้เราได้เปรียบคู่แข่ง ทำให้ทราบปริมาณความต้องการสินค้าคร่าว ๆในแต่ละเดือน ซึ่งนอกจากลูกค้าทั่วไปเราต้องขยันเข้าหาลูกค้ารายใหญ่เช่น ร้านอาหาร ร้านข้างแกง เพื่อโอกาสในขายสินค้าที่มากขึ้น
 
4.รักษาคุณภาพสินค้าให้คงที่เสมอ
 
บางรายอาจเคยเจอปัญหาคือซื้อข้าวสารจากร้านหนึ่งเจ้าของบอกว่าข้าวดี หุงไม่แฉะ ใส่น้ำไม่ต้องเยอะ แต่บางทีข้าวที่ได้ออกมา ก็แฉะบ้าง แข็งบ้าง เรื่องความรู้ของคนขายเกี่ยวกับข้าวสารแต่ละชนิดต้องดีชนิดที่ถ่ายทอดให้ลูกค้าเข้าใจได้ และมาตรฐานของข้าวสารต้องให้คงที่ ไม่มีมอด ไม่มีกรวด  ข้าวเก่าก็บอกข้าวเก่า ข้าวใหม่ก็บอกข้าวใหม่ หุงดีหุงไม่ดี ก็ต้องบอกลูกค้าไปตามความจริง อันจะเป็นการสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ทางหนึ่งด้วย
 
สูตรการคำนวณต้นทุนกำไรร้านขายข้าวสาร

ภาพจาก FB : ร้านขายส่งข้าวสารรัตนรุ่งเรือง บางใหญ่

เนื่องจากร้านขายข้าวสาร ราคาของข้าวแต่ละชนิดจะผันแปรไปตามภาวะเศรษฐกิจ เช่นหากน้ำไม่พอทำนา ชาวนาทำนาไม่ได้ราคาข้าวอาจจะแพงขึ้น ต้นทุนหลักๆของร้านขายข้าวสารคือ สินค้าที่อาจจะรับมาขายก่อนแล้วจ่ายทีหลังหรือบางคนอาจจะได้ญาติพี่น้องเป็นคนทำข้าวแล้วส่งข้าวสารมาให้ขายอันนี้ต้นทุนก็จะถูกลง แต่โดยรวมแล้วสูตรการคิดกำไรโดยเฉลี่ยเป็นดังนี้       
หมายถึงว่าในแต่ละเดือนร้านขายข้าวสารต้องรู้รายจ่ายก่อนว่า ในเดือนนี้เราซื้อวัตถุดิบ (ข้าวสาร) เข้ามาเท่าไหร่ และเมื่อรวมกับต้นทุนผันแปร เช่นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าคนงาน ค่าขนส่ง ต่างๆ หารด้วยเวลาใน 1 เดือนจะรู้ว่าต้นทุนเฉลี่ยต่อวันคือเท่าไหร่เพื่อจะได้กำหนดทิศทางการขายว่าควรจะต้องขายได้เท่าไหร่เพื่อให้ได้มีกำไรในแต่ละเดือน 

ส่วนใหญ่ก็ต้องการขายให้ได้ครั้งละมากในแต่ละเดือนไว้ก่อนเพื่อมาหักลบกลบหนี้จะได้มีตัวเลขรายได้รวมที่เยอะกว่ารายจ่าย แต่บางครั้งการซื้อสินค้า 1 ล็อต (ข้าวสาร) อาจขายได้มากกว่า 2-3 เดือน ตัวเลขเหล่านี้ก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามแต่สถานการณ์ของแต่ละบุคคล

ภาพจาก bit.ly/2JL0eZV
 
ถ้ามองว่าการขายข้าวสารรวยยากเราจะขอยกตัวอย่างของ หวัง โหย่ง ฉิ้ง เศรษฐีอันดับหนึ่งของไต้หวันที่เริ่มต้นมาจากเงินทุนแค่ 200 เหรียญเปิดร้านขายข้าวสารเล็กๆ ทำเลที่เปิดร้านก็ใช่จะดี แต่สิ่งที่เขาทำคือพยายามเข้าหาลูกค้า อย่างการแบกข้าวสารไปเร่ขายทีละถุงตามบ้าน

แม้จะพอขายได้บ้างแต่รวมๆ แล้วก็ยังไม่ดีมากพอ จนเขาเริ่มมองเห็นช่องทางว่าข้าวสารในยุคที่เขาขายเครื่องจักรในการสีข้าวยังไม่ได้มาตรฐาน มีทั้งกรวด และข้าวเปลือกปะปนเป็นปัญหาของแม่บ้านในไต้หวัน เขาจึงลงมือแยกสิ่งแปลกปลอมในข้าวสารที่เขาขายจนกลายเป็นข้าวสารที่สะอาดไม่มีอะไรเจือปนและนำสินค้านี้ไปจำหน่าย จนกลายเป็นจุดเด่นว่าข้าวสารร้านนี้คุณภาพดี สะอาด ไม่ต้องเสียเวลาซาวหลายครั้ง ยอดขายของหวัง โหย่ง ฉิ้งก็ดีขึ้นทันตา รวมกับการคิดรูปแบบบริการส่งข้าวสารฟรีให้ลูกค้าไม่ต้องแบกเอง ก็ยิ่งทำให้ร้านข้าวสารของเขาขายดียิ่งขึ้น

และนี่คือจุดเริ่มของการเปลี่ยนชีวิตจากคนที่ไม่มีเงินทุนมาเริ่มต้นเปิดร้านขายข้าวสารและปัจจุบันกลายเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆของไต้หวันมีสินทรัพย์กว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และร้านข้าวสารของเขาก็เป็นจุดเริ่มสู่การทำธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย นี่คือตัวอย่างของคนเปิดร้านขายข้าวสารที่รู้จักทำตลาด รู้จักคิด ทำให้ตัวเองอยู่เหนือคู่แข่งจนประสบความสำเร็จได้อย่างดี
 
*** สูตรการคิดคำนวณราคาดังกล่าวนี้ มีตัวแปรที่ต้องเอามาคิดรวมกันอีกหลายอย่างทั้งค่าการตลาด ค่าเช่าพื้นที่ ต้นทุนผันแปรของแต่ละบุคคล ราคาเบื้องต้นจึงเป็นค่าประมาณการณ์ให้พอมองเห็นภาพและแนวทางในการคิดเบื้องต้น***
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่  www.thaifranchisecenter.com/document/
 
หนึ่งในธุรกิจบริการที่ฮอตฮิตคือ “คาร์แคร์”  เราสังเกตว่าธุรกิจนี้มีตั้งแต่ระดับชาวบ้าน เปิดร้านล้างรถเองง่ายๆ ไปจนถึงระดับบริษัทใหญ่ๆ ที่ลงทุนกับธุรกิจนี้ทีละหลายล้านบาท แม้แต่ในแวดวงแฟรนไชส์ก็มีธุรกิจคาร์แคร์ที่ช่วยให้ผู้สนใจเริ่มต้นอาชีพนี้ได้ง่ายขึ้น แพคเกจลงทุนก็ม..
59months ago   111,899  7 นาที
ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสายบุญจึงได้รับความนิยม เทศกาลงานบุญในเมืองไทยมีเยอะมาก ตั้งแต่งานบวช  เข้าพรรษา ออกพรรษา อาสาฬหบูชา วิสาขบูชา หรือแม้แต่ประเพณีทำบุญขึ้นบ้านใหม่  ถวายเทียนเข้าพรรษา  กฐิน  ผ้าป่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดมาล้วนแต่เกี่ยวข้องกับ &..
60months ago   22,590  5 นาที
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความสร้างอาชีพมาใหม่
บทความอื่นในหมวด